Day 19: Trade จริงกันเงินปลอม ครั้งที่ 5

วันนี้เราลองเป็น trader เต็มตัวในตอนกลางวัน ปรากฏว่า

• ใจร้อนไม่รอสัญญาณให้แน่นใจ เข้าไปก่อน
• ตั้ง SL น้อยเกินไปจึงทำให้เวลากราฟสวิงตัวออกมาเกิดการชน แล้วเราก็ขาดทุนไปตามระเบียบ
• ลองให้ รอสัญญาณ อดทดรอกราฟ ถึงแม้ว่าจะลงมาเกิน 15% ของ port แล้วก็ตาม เพราะเชื่อใน time frame ใหญ่ว่ายังไงมันก็ตั้งขี้น แล้วตั้ง TP ตามแนวต้านที่เรากำหนดไว้

Day 18: เริ่มเกเรกับการ trade

• เมื่อวานมัวแต่ดูหนัง คิดสะว่าเป็นวันเห่งการพักผ่อน
• ลองจะเข้าไป trade โดยใช้มือถือ แต่มันไม่ได้จริงๆ 
• กลับไป trade แล้วหาความรู้เพิ่มเติม

Day 17: Trade จริงกันเงินปลอม ครั้งที่ 4

เราไม่ได้ขี้เกียจนะ แต่สองวันที่เราไม่ได้มาเขียนเนื่องจากว่า เราอยากพักจากการทำงานแต่เอาเข้าจริงๆ มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องหาความรู้เพิ่มเติม ลองดูกราฟ และวางแผนสำหรับอาทิตย์ถัดไป

• ยังยึดกับวิธีการ trade แบบที่เราคิดไวั + เพิ่ม fibo เพื่อหาจุดเข้า
• พอราคาวิ่งมาถึงแนวที่เราตั้งไว้ก็จัดเลย ถึงแม้ว่าจะได้กำไรน้อยกว่าถ้าเข้าตอนแรก แต่ก็มั่นใจกว่าว่าต้องไปในทิศทางที่เราคิดไว้
• คิดว่าพอครั้งที่ 6 จะเพิ่มการเข้าซื้อเป็นวันละ 2 ครั้ง ถามว่าทำไมต้องครั้งที่ 6 เนื่องจากว่าตั้มนับ 5 วันคือ 1 อาทิตย์ที่เราอยู่ในตลาด อันนี้จะเพิมในอาทิตย์ที่ 2

Day 16: Trade จริงกันเงินปลอม ครั้งที่ 3

ดีใจวันนี้ลากคุณภรรยามาฟังเราโม้ด้วยๆ 555+ หวังว่าเขาจะอินไปกับเรานะ

• ทดสอบทฤษฏีการดูจาก web timeframe ใหญ่ไปเล็กว่าจะ buy หรือ sell
• ผิดที่ไม่รอให้ไปแต่ band ล่างและรีบเข้า
• เอา fibonacci retracement เขามาช่วยหาจุดแนวรับแนวต้าน ถึงตรงที่เราตั้งใจไว้ก็ปิด order เลย

Day 15: Trade จริงกันเงินปลอม ครั้งที่ 2

วันนี้ได้บทเรียนที่ดีมากกลับมา

• ผิดทางอย่าฝืน ตัดตาม cut loss ที่ตั้งไว้
• อดทนรอให้ profit รันขึ้นไป
• เมื่อแตะขอบบนให้ขายทำกำไรไปก่อน แล้วรอเข้ารอบใหม่ถึงแม้จะขายหมู

Day 14: Trade จริงกันเงินปลอม ครั้งที่ 1

ก็เริ่มศึกษาระดับเบื้องต้นละ เราก็มาลองสนามจริงกันบ้าง เครื่องมือก็แค่ BB + MA และก็ MACD

• ใจร้อนมือใหม่ก็ทำแบบยิงๆๆ ไปก่อน แบบ Sniper โดยดู timeframe M1 M5 M15 -> แล้วก็จ้อง candle pattern ไปว่าจะขึ้นหรือลง
• BB: ตามเส้นกลางถ้าเหนือแล้วไม่ไปต่อก็เปิด Sell หรือถ้าเกาะ BB ล่างสัก 2-3 แท่งก็ Sell ไปอย่าให้เสีย
• MACD: เมื่อใดที่ Histogram มันเกิน EMA ก็เป็นสัญญาณที่น่าสนใจแสดงว่า volumn เข้ามามากกว่าครั้งก่อนหน้า ก็น่าจะนับเป็น Trend ได้

อย่าลืมเรื่อง cut loss เป็นหลัก ตอนนี้ตั้งไว้ 5% ของเงินลงทุน แต่มอง profit ไว้ที่ 7 - 10%

Day 13: ข่าวกับผลกระทบต่อค่าเงิน

เว็บตารางข่าว เป็นตัวบอกว่าในแต่ละวันว่าจะมีข่าวอะไรบ้าง แล้วช่วงดังกล่าวนั้น มีผลอย่างไรกับค่าเงินที่เราสนใจ

• เว็บที่บอกล่วงหน้าว่าในอาทิตย์นั้นจะมีข่าวอะไรออกมาบ้างโดยอิงจากข้อมูลก่อนหน้า https://www.forexfactory.com/calendar ถ้าเป็นสีเหลือง คือข่าวที่มีผลน้อยต่อค่าเงิน ส้มกลาง แดงมาก สำหรับพวกแดงที่ไม่มีข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นพวก การออกมาพูด เช่น ทรัม เฟต ประมาณนี้
• พอข่าวออกมาจริงๆ ก็จะมีข่าวแปลออกมาในเว็บ https://th.investing.com/economic-calendar/เป็นภาษาไทย และเราก็เข้าไปอ่านรายละเอียดในนี้เอา
• ข่าวไม่ได้บอกเราว่า ควรจะซื้อหรือขายตรงไหน มันเป็นแค่แนวโน้ม เช่น แดงของ usd ผลออกมาเป็นตัวเลขสีเขียว แสดงว่าส่งผลดีต่อค่าเงิน us เราเล่นคู่เงิน eu/us สมมุติว่าเป็นตามแนวโน้ม us แข็ง กราฟคู่เงิน eu/us ก็น่าจะเป็นขาลง (sell) / แถมๆ dxy เป็นตัวย่อของ dollar index.

Day 12: ศึกษา Bollinger Band

จัดอยู่ในหมวด trend indicator มีองค์ประกอบอยู่ 3 เส้นด้วยกัน คือ 1. moving average 20 แท่ง 2. upper band (ma + sd*2) และ 3. Lower band (ma + sd*2)

• เอามาใช้วัดความผันผวนของตลาด, ใช้เป็นแนวรับและแนวต้าน, หาแนวโน้มของราคา, ดู overbought, oversold, และใช้เทรดดเวยกลยุทธ์แบบ breakouts
• ใช้บอกการแกว่งตัวขึ้นลงในสภาวะ side way ได้ดี เพื่อลดความเสี่ยง สามารถปรับตัวคูณของ band เป็นคูณ 3 (Deviations) สิ่งที่ได้คือ กรอบที่กว้างขึ้น ทำให้จังหวะที่เข้าไม่ผันผวนมาก
• อย่าลืมว่ามันไม่ได้บอกว่าจะไปถึงไหน แถมบางครั้งอาจมีการกลับตัวอย่างกระทันหัน

Ref: https://www.forexinthai.com/1654/, https://thaibrokerforex.com/การใช้-indicator-ต่าง-ๆ-bollinger-band/

Day 11: ศึกษา MACD ภาค 2

ข้อสังเกตเพื่มเติมของสัญาญาณ

• MACD ตัดกับ signal line เป็นสัญญาณที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงราคาส่งของราคาหุ้น (Momentum) เป็นสัญาญาณระยะสั้น และเกิดบ่อยกว่าการตัดกับ center line
• MACD ตัดเส้น center line เป็นสัญญาณให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาหุ้น (Trend) ถือว่าเป็นสัญาญาณระยะกลาง
• การซื้อขายจากสัญาญาณ divergence ต้องติดตามกราฟราคาหุ้นให้ใกลชิดก่อนการลงมือซื้อขายจริง เพราะว่าเป็นตัวที่น่าเชื่อถือและน่าสนใจมากที่สุด

Day 10: ศึกษา MACD

วิเคราะห์ลักษณะที่เกิดขึ้นระหว่าง moving average ทั้ง 2 เส้นพร้อมกัน

• สามารถบอก แนวโน้มของราคาหุ้น (Trend) และ แรงส่งของราคาหุ้น (Momentum)
• + กราฟราคาหุ้นน่าจะกำลังอยู่ในแนวโน้มที่เป็นขาขึ้น, - กราฟราคาหุ้นน่าจะกำลังอยู่ในแนวโน้มที่เป็นขาลง, เข้าใกล้ 0 อัตราการเพิ่ม/ลดของราคา ไม่ค่อยมีความเร่งรีบในการซื้อ/ขายหุ้นเหมือนในอดีต เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางในอนาคตหรือไม่
• Signal line เป็น indicator ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางแนวโน้มของเส้น MACD ถ้าอยู่บน MACD มีทิศทางแนวโน้มขาขี้น, อยู่ล่างมีทิศทางแนวโน้มขาลง
• MACD Hostogram คือระยะห่างระหว่าง MACD - Signal line
• สัญญาณของ MACD: ตัด center line / ตัด signal line / divergence
• พิจารณาสัญญาณ divergence คือ การเปรียบเทียบจุดสูงสุดของกราฟราคาหุ้นกับจุดสูงสุดของกราฟเส้น indicators และการเปรียบเทียบจุดต่ำสุดของกราฟราคาหุ้นกับจุดต่ำสุดของกรมฟเส้น indicators เพื่อดูว่ามีทิศทางเดียวกัน (convergence) หรือทิศทางไม่วอดคล้องกัน (divergence) -> Bearish divergence / Bullish divergence

Ref: https://www.finnomena.com/daddy-trader/macd/

Day 9: ศึกษา Moving Average

อันนี้ขอเขียนเป็นข้อสำคัญหลักๆ เลยแล้วกัน (Trend follow)

• SMA, EMA, WMA : เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ของราคาหุ้น โดยใช้ข้อมูลของราคาหุ้นย้อนหลังตามที่ระยะเวลาที่เรากำหนด 10 (2 สัปดาห์), 50 (2 เดือน), 200 (3 ไตรมาส)
• เลิก ตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขาย  เพราะราคาที่จะซื้อขายหุ้นได้จะไม่ใช่ราคา ณ จุดที่เส้น EMA 2 เส้นตัดกัน ดังนั้นเราจึกมักจะขายหุ้นได้ในราคาที่ถูกกว่า หรือแพงกว่า ราคาที่เส้น EMA 2 เส้นตัดกัน
• ตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขาย ถ้ามี Trend ก็กำไร ถ้า sideways ก็ขาดทุน

Ref: https://www.finnomena.com/daddy-trader/moving-average/

Day 8: Kick start trade by using sample method

สิ่งแรกคือทำตัว Trade diary ขึ้นมาเพื่อใช้ในการติดตามผลการเทรดของเรา

1. แก้ไขให้เป็นของเรา และเพิ่มหน้า method เข้าไปเพื่อเป็นแนวทางการ trade
2. Method แรกได้เกิดขึ้นมาแล้วต่อไปก็ทำตามใน demo account ไป 2 อาทิตย์
3. ศึกษาพารามิเตอร์ของ indecator ให้เข้าใจทุกอันเพื่อรู้ที่มาที่ไป (EMA, Bollinger Band, MACD)

Day 7: Trading Diary

ตอนนี้เมื่อยังติดๆเรื่องงาน แต่เรายังไม่ทิ้งการหาข้อมูลนะ มาเริ่มกันเลย

• Account ที่เปิดกับทาง lcmarket อนุมัติละ ที่นี่ก็เหลือเติมเงินเข้าไป เข้าใจว่าขั้นต่ำจะประมาณ 200 usd
• download template ของ trading diary เพื่อเตรียมเริ่มต้น http://www.meawbininvestor.com/trading-diary/
• เลือกสิ่งสำหรับ trading system ที่จะใช้ .....

Day 6: ทดลอง Trade ใน Demo account

อย่างแรกเลย แล้วเราจะรู้จุดเข้าจากไหน ในเมื่อ Bollinger band มันแทบจะไม่ได้บอกอะไรเราเลยว่าควรเข้าได้แล้วนะ บอกแค่ว่าตอนนี้ ราคามันอยู่บน zone หรือล่าง zone

ก็เลยลองหาเข้าไปใน google แล้วก็เจอของดี ที่มีคนเขาทำตัว technical indicator ในตัวที่นิยมและ classic 

• eur/usd : https://www.tradingview.com/symbols/EURUSD/technicals/
• เลือกเวลาที่จะดูเช่นเป็น timeframe 1d, H4, H1, M30
• ลองใหม่ตอนเที่ยงพรุ่งนี้ แล้วดูว่า M15 แล้วเปิด lot ใน demo และอ่านการทำงานของตัว indicator https://www.dailyfx.com/education/technical-analysis-tools/4-effective-trading-indicators-every-trader-should-know.html

Day 5: ช่วงเวลานี้ละดีสุด

ช่วงเวลาที่ดีสำหรับการ trade ตัว eurusd คือช่วงที่ตลาดเปิด

• ช่วงที่ดีของวัน 2:00 PM - 10:00 PM
• ช่วงวิ่งแรง 7:00 PM - 9:00 PM (เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยวการเปิดตลาดที่ eur กับ usd)
• เที่ยงๆ เริ่มหาจุดเข้า (บ่าย 2-3 วิ่งเสมอ) / 6:00 PM ก็เข้ามาเริ่มส่องๆ (3 ทุ่ม วิ่งเสมอ)

Ref: http://forex-investor-thai.blogspot.com/p/blog-page_6206.html

Day 4: มือใหม่อย่าลอง Martingale

แล้วมันคืออะไรอ่ะ ถ้าพูดตามหลักการง่ายๆ ก็คือการ double lots เข้าไป ตัวอย่างเช่นถ้าครั้งแรกเราเข้าตลาดแล้วขาดทุน ครั้งที่สองที่เราจะเข้าก็ใส่ lot มากกว่าครั้งแรกไปเท่าหนึ่ง ซึ่งถ้าได้มันก็จะไป cover กับครั้งแรกหมด หรืออาจเป็นกำไรถ้ารอบสอง ถ้ามันวิ่งไปไกลกว่าที่คาดไว้

• คู่เงินเริ่มเอา EURUSD เพราะค่า spred ถูก ข้อมูลหาง่าย ต่อไปเรื่องเวลา ว่าจะเข้าช่วงไหนดี
• เริ่มแบบ Non martingale
• ตั้งกฏมาก่อน fix lot กับจำนวนเปอร์เซ็นต์ต่อวัน; 5-10 USD กับทุน 200 USD

Day 3: ดูสถานะบัญชี

วันนี้แถบไม่ได้หาข้อมูลไรเลย เข้ามาแค่ดูสถานะว่าบัญชีได้มีการอนุมัติหรือยัง

• ยังไม่อนุมัติหลังส่งหลักฐานเข้าไปใหม่
• ตัดสินใจสร้างสูตรการ trade 1โดยใช้ Bollinger band บวกกับ ema ? สำหรับ volume เอา MACD ?
• ตัวเลข ขอเลือกคู่เงินพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่า config จะตามมาทีหลัง

วันที่สอง สมัคร broker

หลังจากคุยกับเพื่อน เพื่อเลือก broker ตกลงว่าได้เปิด account ใหม่

• ICMarket เพราะว่าspread ต่ำ เปิด order เร็ว
• รอ approve จากทาง brokers โดยส่งเอกสาร บัตรปปช +บิลเดือนล่าสุดเพื่อยืนยันที่อยู่
• account type: raw spread, leverage: 1:500, start deposit: 200+200

วันแห่งการเริ่มต้น

ขั้นแรก ตั้งปณิธานกับตัวเองก่อนว่าจะเข้ามาเขียนทุกวันและ หาความรู้เรื่องการ trade ทุกวัน อาจเขียนไม่เกิน 3 Bullets point เอาง่ายแต่สม่ำเสมอ

• สำรวจ broker แต่ละเจ้าก่อนว่าอันไหนมี copy trade เพราะว่าขี้เกียจมานั่งดูจอตลอด + ยัง trade ไม่ค่อยเก่ง กลัวล้าง port
• ได้มาละ exness กับ land fx https://www.thaiforexbroker.com/
• ทั้งสองสามารถเข้าไปดูได้เลยว่า trader ทำกลังเข้าตัวไหนอยู่ แต่ไม่ได้บอกออกนะ